เจษฎาจารย์ ฟ. ฮีแลร์ ชาวต่างชาติที่รักภาษาไทย

      Comments Off on เจษฎาจารย์ ฟ. ฮีแลร์ ชาวต่างชาติที่รักภาษาไทย
11

เจษฎาจารย์ ฟ. ฮีแลร์ มีนามเดิมว่า ฟรังซัว ทูเลอเนท์ กำเนิดเมื่อวันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 1881 (พ.ศ.2424) และเมื่อท่านได้อายุ 12 ปี ได้อุทิศตนเข้ารับใช้ศาสนาคริสต์ โดยเข้าอบรมเป็นยุวนิส ในคณะเจษฎาจารย์เซนต์คาเบียล ตำบลซังลองรังต์ ประเทศฝรั่งเศส และร่ำเรียนวิชาทางศาสนา วิชาการด้านครู จนจบการศึกษาเมื่อ ค.ศ. 1900 และได้รับการบวชเป็นพระเมื่อปี ค.ศ. 1901(พ.ศ. 2444) วันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 1901 ท่านเดินทางเข้ามาสยามประเทศ และทำงานเป็นปฏิคมในโรงเรียนอัสสัมชัญ คอยทำหน้าที่รับสมัครนักเรียนใหม่ ระหว่างนี้เองท่านได้พยายามฝึกเรียนภาษาไทย เพื่อให้สื่อสารระหว่างกันได้ 8 ปีในสยาม ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เจษฎาจารย์ ฟ. ฮีแลร์
จีงได้ปวารณาตนอุทิศชีวิตทั้งหมดให้แก่พระผู้เป็นเจ้า เข้ารับการบวชตลอดชีวิต เมื่อวันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 1909 (พ.ศ. 2452) และในปีต่อมา ความรู้ ความสามารถที่ท่านสะสมมาตลอดเวลา เกี่ยวกับภาษาไทย ได้ถูกถ่ายทอดลงมาด้วยการ แต่งหนังสือตำราเรียน เพื่อสำหรับเด็กนักเรียนได้เรียนการใช้ภาษาไทยที่ถูกต้อง จำนวน 5 เล่ม คือ “หนังสือดรุณศึกษา” ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นตำราเรียนสำหรับเด็กชั้นประถมอยู่
10

ผลงานด้านการประพันธ์วรรณดคี
ผลงานด้านการประพันธ์วรรณดคี ที่มีค่ามากคือ “ทูตไทยไปฝรั่งเศส (โกษาเหล็ก – โกษาปาน) และบทกลอน คติสอนใจไว้มากมายช่วงปี ค.ศ. 1941(พ.ศ. 2484) เจษฎาจารย์ ฟ. ฮีแลร์ ได้ถูกกระแสการเมือง กรณีพิพาทกับอินโดจีนและสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวฝรั่งเศสในประเทศไทยต้องอพยพออกนอกประเทศ เมื่อสงครามสงบลง ท่านก็เดินทางกลับมาดินแดนนี้อีกครั้งหนึ่ง แต่การกลับมาครั้งนี้กลับพบความวิปโยค ครั้งใหญ่ คือ สภาพโรงเรียนอัสสัมชัญ อันเป็นที่รักของท่าน ถูกระเบิดทำลายเสียหาย แต่ท่านก็พยามยามเรี่ยไรเงินจากผู้ปกครองและศิษย์เก่า ให้ช่วยกันก่อสร้างกันขึ้นใหม่ในการนี้ได้ก่อสร้างตึกหอประชุมขึ้นหลังหนึ่ง อันเป็นเครื่องหมายแห่งการเข้ามาของคณะเซนต์คาเบียลในประเทศสยาม จึงตั้งชื่อว่า “ตึกสุวรรณสมโภช” เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 1951
(พ.ศ. 2495)อาคารหอประชุมดังกล่าวเป็นอาคารที่ทันสมัยที่สุด ในยุคนั้น เป็นหอประชุมขนาดใหญ่โต
ซึ่งคณะทูตชาวฝรั่งเศส นิยมมาขอสถานที่จัดเลี้ยง จัดประชุมกันอย่างต่อเนื่อง แล้วโชคชะตาก็โหมกระหน่ำเจษฎาจารย์ ฟ. ฮีแลร์ อีกครั้งหนึ่ง เมื่อก่อสร้างตึกสำเร็จลง ท่านได้เริ่มป่วย โดยมีอาการมองไม่เห็น
ซึ่งในขณะที่ท่านเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ (ถนนสาทร) ทางรัฐบาลฝรั่งเศสได้มอบเหรียญ
“เรยองดอนเนอร์” ในฐานะที่ทำคุณงามความดีให้แก่ประเทศชาติในวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1952(พ.ศ. 2495)
ท่านมองไม่เห็นอยู่เป็นเวลา 6 ปีกว่า ภายหลังได้รับการรักษาจนหายเป็นปกติ โดยนายแพทย์ชุด อยู่สวัสดิ์ เมื่อ ค.ศ. 1959 (พ.ศ. 2502) ทางคณะสงฆ์เซนต์คราเบียลเห็นว่า ท่านแก่ชราแล้ว สมควรได้รับการพักผ่อน และให้ท่านไปพำนักที่บ้านพักซอยทองหล่อ แต่ท่านไม่ยอมไป เพราะท่านผูกพันและรักโรงเรียนอัสสัมชัญแห่งนี้มาก และแล้วในวันที่ 19 กันยายน ค.ศ. 1968 (พ.ศ. 2511) ท่านเกิดล้มลง เกิดภาวะเส้นเลือดในสมองแตก อาการท่านทรง กับทรุดเรื่อยมา จนวาระสุดท้ายแห่งชีวิต ท่านก็จากลาไปด้วยความสงบ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ค.ศ. 1968

4
บางส่วนผลงานทางวรรณกรรมภาษาไทย
พระอาทิตย์ฤทธิ์ล้ำบํารุงโลก ประสิทธิ์โชคส่องพิภพจบวิถี
ไม่เลือกรัก มัก ชัง จนมั่งมี ไพร่ผู้ดี พึ่งพา เที่ยวหากิน
ใครทําไร่ไถนาหรือค้าขาย ก็ส่องฉายให้เห็นเป็นนิจสิน
ได้ชื่นชมสมหวังทั้งแผ่นดิน มิรู้สิ้นบารมี รวีวรรณ
…แม้อาทิตย์คิดหน่ายไม่ฉายแสง โลกจะแข็งเย็นชืดมืดมหันต์
เลิกค้าขายไร่นา สารพัน จะพากันตายกลาดดาษดา
ถึงกระนั้นยังไม่พ้นคนแคะข้อน ว่าแดดร้อนใจละเหี่ยเพลียนักหนา
ถ้าแดดอ่อนก็ค่อนว่าน่าระอา จะตากผ้าก็ไม่แห้งแสงไม่มี
…ถึงถูกด่าดวงอาทิตย์ไม่คิดตอบ ทําความชอบตามฤดูอยู่คงที่
ไม่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนวันเดือนปี โลกจึงมีความสุขทั่วทุกคน
อันตัวเราเขาติตําหนิโทษ จงกลั้นโกรธ อดใจได้กุศล
ใครจะชอบหรือชังอย่ากังวล บำเพ็ญตนเยี่ยงอาทิตย์เป็นนิตย์เอย
> บราเดอร์ ฟ.ฮีแลร์ <
………………….
“จงตื่นเถิด เปิดตาหาความรู้ เรียนคำครู คำพระเจ้า เฝ้าขยัน
จะอุดมสมบัติ ปัจจุบัน แต่สวรรค์ ดีกว่า เราอย่าลืม”
> บราเดอร์ ฟ.ฮีแลร์ <
สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม
คนหนึ่งตาแหลมคม เห็นดวงดาวอยู่พราวแพรว
> บราเดอร์ ฟ.ฮีแลร์ <
วิชาเหมือนสินค้า อันมีค่าอยู่เมืองไกล
ต้องยากลำบากไป จึงจะได้สินค้ามา
จงตั้งเอากายเจ้า เป็นสำเภาอันโสภา
ความเพียรเป็นโยธา แขนซ้ายขวาเป็นเสาใบ
นิ้วเป็นสายระยาง สองเท้าต่างสมอใหญ่
ปากเป็นนายงานไป อัชฌาสัยเป็นเสบียง
สติเป็นหางเสือ ถือท้ายเรือไว้ให้เที่ยง
ถือไว้อย่าให้เอียง ตัดแล่นเลี่ยงข้ามคงคา
ปัญญาเป็นกล้องแก้ว ส่องดูแถวแนวหินผา
เจ้าจงเอาหูตา เป็นล้าต้าฟังดูลม
ขี้เกียจคือปลาร้าย จะทำลายให้เรือจม
เอาใจเป็นปืนคม ยิงระดมให้จมไป
จึงจะได้สินค้ามา คือวิชาอันพิสมัย
จงหมั่นมั่นหมายใจ อย่าได้คร้านการวิชา
> บราเดอร์ ฟ.ฮีแลร์ <
……………..
“จงตื่นเถิด เปิดตาหาความรู้ เรียนคำครู คำพระเจ้า เฝ้าขยัน
จะอุดมสมบัติ ปัจจุบัน แต่สวรรค์ ดีกว่า เราอย่าลืม”
> บราเดอร์ ฟ.ฮีแลร์ <
……………
dscn3418

วิชาเหมือนสินค้า…………อันมีค่าอยู่เมืองไกล
ต้องยากลำบากไป……….จึงจะได้สินค้ามา
จงตั้งเอากายเจ้า…………เป็นสำเภาอันโสภา
ความเพียรเป็นโยธา…….แขนซ้ายขวาเป็นเสาใบ

นิ้วเป็นสายระยาง…………สองเท้าต่างสมอไม้
ปากเป็นนายงานไป……..อัชฌาสัยเป็นเสบียง
สติเป็นหางเสือ…………….ถือท้ายเรือไว้ให้เที่ยง
ถือไว้อย่าให้เอียง…………ตัดแล่นเลี่ยงข้ามคงคา

ปัญญาเป็นกล้องแก้ว……ส่องดูแถวแนวหินผา
เจ้าจงเอาหูตา……………..เป็นล้าต้าฟังดูลม
ขี้เกียจคือปลาร้าย………..จะทำลายให้เรือจม
เอาใจเป็นปืนคม………….ยิงระดมให้จมไป
จะได้สินค้ามา…………….เป็นวิชาอันพิศมัย
จงหมั่นมั่นกายใจ………..อย่าได้คร้านการวิชา
> บราเดอร์ ฟ.ฮีแลร์ <

ธนะรัตน์ ทับทิมไทย เรียบเรียงจาก….หนุ่มรัตนะ(พันทิปดอทคอม)